รีวิวหนัง song of The Sea (2014) เจ้าหญิงมหาสมุทร
ประเภทของภาพยนตร์: แฟนตาซี
วันที่เข้าฉาย: 10 กรกฎาคม 2558
ผู้กำกับ: Tomm Moore
นักแสดงนำ: Tomm Moore,Ross Murray,Paul Young,Stephan Roelants,Serge Ume,Marc Ume,Isabelle Truc,Clement Calvet,Jeremie Fajner,Frederik Villumsen,Claus Toksvig Kjaer
ความยาว : 94 นาที
เรื่องย่อ:
หนังใหม่ ในปี 1981 คอนเนอร์ ผู้ดูแลประภาคาร อาศัยอยู่บนเกาะนอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของไอร์แลนด์กับบรอนัค ภรรยาของเขา หลังจากให้กำเนิดลูกชายมนุษย์ชื่อเบ็น ทั้งคู่ก็คาดว่าจะมีลูกคนที่สอง แต่บรอนัคหายตัวไปหลังจากให้กำเนิดเซียร์ชา ลูกสาวของพวกเขา ซึ่งดูเหมือนว่าจะเสียชีวิตขณะคลอดลูก
หกปีต่อมา คอนเนอร์หลงรัก เซียร์ชา ผู้ใบ้ในขณะที่เบ็นรู้สึกขุ่นเคืองในตัวเธอ โดยเขาโทษว่าเธอเป็นสาเหตุที่แม่ของเขาหายตัวไป เพื่อนเพียงคนเดียวของเขาคือคู สุนัขพันธุ์โอลด์อิงลิชชีพด็อกของครอบครัว ในวันเกิดของเซียร์ชา เด็กๆ ได้รับการเยี่ยมจากคุณย่าของพวกเขา ซึ่งมองว่าประภาคารเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสมที่จะเลี้ยงดูเด็กๆ ในคืนนั้น
เซียร์ชาเล่นเปลือกหอยที่แม่ของพวกเขาให้เบ็น และถูกพาไปที่เสื้อคลุมหนังแมวน้ำสีขาวในตู้เสื้อผ้าของคอนเนอร์ เซียร์ชาสวมเสื้อคลุมแล้วไปที่ทะเลและแปลงร่างเป็นเซลกี้หลังจากว่ายน้ำแล้ว คุณยายพบเธอที่ชายหาด และคอนเนอร์ซึ่งตกใจกลัวก็ล็อกเสื้อคลุมไว้ในหีบและโยนมันลงไปในทะเล คุณยายพาเด็กๆ กลับบ้านที่แผ่นดินใหญ่ในดับลินโดยคูพักอยู่ที่ประภาคาร ระหว่างทาง เบนก็วาดแผนที่เส้นทางขึ้นมา และในวันก่อนถึงวันซัมเฮนเขากับเซียร์ชาก็หนีออกจากบ้านยายเพื่อกลับไปหาคู
Saoirse กลับมาเล่นเป็นเปลือกหอยของ Ben อีกครั้ง และถูกกลุ่ม Daoine Síสามคนลักพาตัวไป พาเธอไปที่ถ้ำใต้วงเวียนที่รกทึบDaoine Sí ดีใจกับการปรากฏตัวของ Saoirse โดยหวังว่าเธอจะพาพวกเขากลับไปยังดาวบ้านเกิดได้หากเธอร้องเพลงในขณะที่สวมเสื้อคลุมของเธอ อย่างไรก็ตาม
ความยินดีของพวกเขาดึงดูดความสนใจของนกฮูกที่เป็นของแม่มดชื่อMachaซึ่งได้ทำให้ Daoine Sí อีกตัวกลายเป็นหินโดยการดูดความรู้สึกของพวกเขาออกไป นกฮูกโจมตีที่พักพิงและเปลี่ยน Daoine Sí ให้กลายเป็นหิน แต่ Ben และ Saoirse หนีออกมาได้ เด็กๆ มุ่งหน้าไปที่ประภาคารเพื่อเอาเสื้อคลุมของ Saoirse กลับมา และได้พบกับ Cú อีกครั้ง ซึ่งว่ายน้ำข้ามช่องแคบเพื่อไล่ตามพวกเขา
ระหว่างฝนตก เบ็นและเซียร์ชาที่กำลังป่วยได้หลบภัยในกระท่อม ซึ่งเซียร์ชาได้ตกลงไปในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ คูและเบ็นได้ออกตามหาเซียร์ชา แต่เบ็นหลงทางและโผล่ออกมาในถ้ำที่ชาวเซียร์ชาอาศัยอยู่ผ่านเส้นผมของนักปราชญ์ เบ็นได้เห็นเรื่องราวของยักษ์แม็กลีร์ซึ่งร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกและขู่ว่าจะท่วมโลก มัคชา แม่ของแม็กลีร์ ไม่สามารถทนต่อความทุกข์ทรมานของลูกชายได้ จึงทำให้ลูกชายของเธอสูญเสียความรู้สึกและกลายเป็นหิน เมื่อพบที่อยู่ของเซียร์ชาผ่านอีกฝั่งหนึ่ง
ชาวเซียร์ชาก็บอกกับเบ็นว่ามัคชาได้ลักพาตัวเซียร์ชาไป และว่าถ้าเซียร์ชาไม่สวมเสื้อคลุมและร้องเพลงของเธอในตอนรุ่งสาง เธอและสิ่งมีชีวิตวิเศษอื่นๆ ทั้งหมดจะต้องตาย หลังจากตามรอย Great Seanachaí ไปจนถึงถ้ำของ Macha แล้ว เบ็นก็ได้เห็นภาพย้อนอดีตในคืนที่ Saoirse เกิดมา และได้เรียนรู้ความจริงว่า Bronagh เป็นเซลกี้ และเธอต้องกลับไปที่ทะเลเพื่อให้ Saoirse เกิดมาได้อย่างปลอดภัย โดยทิ้งสามีและลูกๆ ไว้ข้างหลัง
เบ็นได้เรียนรู้ว่าแม่มดผู้โศกเศร้าพยายามช่วยเหลือผู้อื่นจากความทุกข์และความเศร้าโศกโดยเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นหินเช่นเดียวกับที่เธอทำกับแม็ก ลีร์ ส่วนตัวของมาชาเองก็กลายเป็นหินไปบางส่วนแล้วในขณะที่เธอเก็บความรู้สึกอันแรงกล้าของตัวเองไว้ในขวดแก้วที่ถูกเสกไว้ เบ็นพบเซียร์ชาที่เกือบจะกลายเป็นหินในห้องใต้หลังคา
เบ็นขอโทษที่เป็นพี่ชายที่ไม่ดี และสนับสนุนให้เซียร์ชาเล่นเป็นเปลือกหอย ซึ่งทำให้ขวดแตกและความรู้สึกของมาชาก็กลับคืนมา ทำให้เธอกลับมามีน้ำใจอีกครั้ง มาชาช่วยเบ็น เซียร์ชา และคู กลับไปที่ประภาคาร โดยขี่ลมไปพร้อมกับความช่วยเหลือของสุนัขผีสองตัวใน อากาศ
ขณะที่ Saoirse เหนื่อยล้าและใกล้จะตาย Conor พยายามพาเธอไปที่โรงพยาบาลบนแผ่นดินใหญ่ โดยไม่ยอมฟังคำอธิบายของ Ben เบนตัดสินใจกระโดดลงไปในทะเลเพียงลำพังเพื่อนำเสื้อคลุมออกมา และไขหีบด้วยความช่วยเหลือของกลุ่มแมวน้ำ Saoirse สวมชุดและเริ่มร้องเพลง ซึ่งทำให้สิ่งมีชีวิตที่มีเวทมนตร์ทั้งหมดหลุดพ้นจากสภาพกลายเป็นหิน
ในขณะที่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นออกเดินทางไปยังดาวบ้านเกิด Bronagh ก็ปรากฏตัวต่อหน้าครอบครัวเพื่อพา Saoirse ไปด้วย เมื่อ Ben และ Connor ขอร้องให้เธอไม่พา Saoirse ไป Bronagh ก็ให้ลูกสาวของเธอเลือกที่จะอยู่ต่อ เพราะเธอเป็นลูกครึ่งมนุษย์ Saoirse เลือกที่จะอยู่ต่อและถอดเสื้อคลุมแมวน้ำออก ทำให้ทั้งสองโลกนี้แยกออกจากกันตลอดกาล Bronagh บอกลากับครอบครัวเป็นครั้งสุดท้ายและจากไป
ความรู้สึกหลังจากชมภาพยนตร์:
Song of the Sea เป็นผลงานของผู้กำกับชาวไอริช ที่เคยทำผลงาน The Secret of Kells ซึ่งเป็นการหยิบเอาตำนานมาเล่าใหม่ สำหรับ Song of the Sea ก็เช่นกัน ในเรื่องนี้เป็นการเอาตำนานเรื่อง Selkie และหลายๆเรื่องเอามาเล่าใหม่ 2umv.com
โดยเป็นเรื่องของเด็กผู้ชายชื่อ Ben ที่เคยมีแม่เล่าตำนานต่างๆให้ฟัง กับน้องสาวที่ไม่ยอมพูดชื่อ Saoirse ที่เกิดมาในวันที่แม่หายไป ทั้งสองอาศัยอยู่กับพ่อบนเกาะห่างจากตัวเมือง จนเมื่อวันเกิดครบรอบอายุ 6 ขวบของ Saoirse เธอเริ่มทำตัวแปลกๆ ทำให้ย่าของทั้งสองมาพาตัวไปอยู่ในเมือง และทำให้ Ben ได้พบความจริงว่าตำนานที่แม่เคยเล่าให้ฟังนั้นเป็นเรื่องจริง และการผจญภัยของทั้งสองก็เริ่มขึ้น
ถ้าสมมุติผมอยากกล่อมให้ใครไปดู Song of the Sea คำพูดแรกที่ผมจะต้องพูดคือคำว่า "ภาพสวย" Song of the Sea ภาพสวยจริงๆ แอนิเมชั่นสุดยอดมาก ทั้งลื่นไหล สวยงาม และน่าทึ่ง ขณะที่องค์ประกอบศิลป์ การออกแบบ ก็ยอดเยี่ยมไปหมดทุกอย่าง
การดำเนินเรื่องจะเป็นสไตล์ความสัมพันธ์ของ Ben กับ Saoirse กับการผจญภัยกึ่งแฟนตาซีที่ไปเจออภินิหารต่างๆ ซึ่งมีทั้งสนุกทั้งน่ากลัว ตำนานต่างๆที่หนังหยิบมาใช้ก็ผสมกันอย่างลงตัว ถึงแม้จะเป็นตำนานที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่หนังอธิบายได้รวบรัด รวดเร็วและเห็นภาพชัดเจน ทำให้เราเข้าใจที่มาที่ไปได้อย่างง่ายดายและไม่ยุ่งยาก
ทว่าตัวหนังนั้นกลับขาด twist หรือการเติมอะไรเข้าไปทำให้น่าสนใจ หนังไม่มีจุดไคลแม็กซ์ หรือจุดที่ทำให้หนังตื่นเต้นและต้องลุ้น หนังดำเนินไปเรียบๆ มีการใช้ "พลังพี่น้อง" และอภินิหารในการแก้ปัญหาต่างๆ มันทำให้รู้สึกตัวละครไม่ได้มีการพัฒนาอย่างเท่าที่ควรจะเป็น เหตุผลบางอย่างในหนังไม่ได้อธิบายไว้ว่าทำไม เช่น ทำไมตัวเอกกลัวน้ำ ทำไม Saoirse ถึงต้องลงไปในน้ำให้โดนจับตัวไป ทำไมพวกนั้นถึงมีแสง ซึ่งในเรื่องนี้ไม่ได้ให้คำตอบเลยแม้แต่น้อย
Song of the Sea ไม่ใช่หนังสไตล์ดิสนีย์ที่มีตัวละครทำอะไรบ๊องๆเปิ่นๆเพื่อเรียกเสียงฮา หรือเพลงประกอบทุกๆสามสิบนาทีให้ทุกคนร้องตาม มันเป็นหนังที่สร้างมาเพื่อให้เราชื่นชมความงามของแอนิเมชั่นเสียมากกว่า ทำให้ด้านเนื้อเรื่องนั้นยังมีจุดขัดนิดหน่อย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น Song of the Sea ก็เป็นหนังที่ทำออกมาได้สมศักดิ์ศรีผู้เข้าชิงออสการ์จริงๆ และสำหรับคอแอนิเมชั่นเข้าเส้นสมควรหามาดูให้ได้เลยล่ะ
#ดูหนังฟรี #ดูหนังใหม่2024 #songofTheSea #เจ้าหญิงมหาสมุทร
กลับด้านบน